สาเหตุของเรื่องราววุ่นวายนี้ เป็นเพราะดิฉันผิดเอง ที่ผิดศีลก่อน (ข้อ 3 กับแฟน)
พอผู้ใหญ่ท่านทราบเรื่องเข้า ก็เลยไม่พอใจมาก..

ดิฉันเองก็ยอมรับผิดในสิ่งที่ตนกระทำ
และบอกกับท่านว่าจะไม่ทำอีก ท่านยื่นข้อเสนอให้เลิกติดต่อกับแฟน
ดิฉันก็ติดต่อกับเขาไม่ได้แล้ว เพราะเขาไปบวชตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม..
อย่างมากที่ทำได้ คือ ฝากข้อความไว้ใน facebook หรือเขียน diary
นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องค่ะ
จากนั้น แม่ก็มองว่าดิฉันไม่ควรจะอยูลำพังอีก โดยเฉพาะเมื่อต้องไปเรียนไกลๆบ้าน
ท่านจึงสนับสนุนให้แต่งงานกับอา (น้องชายแท้ๆของพ่อ) เหตุผลคืออารักดิฉันอย่างแท้จริง
และอยากปกป้องดูแล อีกอย่างอาก็มีหน้าที่การงานมั่นคง...ดิฉันจะได้ไม่ลำบาก
ท่านยื่นข้อเสนอว่า ถ้าดิฉันจะเรียนป.โท ต้องจดทะเบียนสมรสกับอาก่อน ให้อาไปคอยดูแล
คอยกันผู้ชายไม่ดีๆที่เข้ามาในชีวิต
ตัวดิฉันเองรับรู้ในการกระทำที่ไม่ดีของตนและสำนึกเสียใจอยู่เรื่อยมา
แต่กลับมองไม่เห็นว่า การแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก จะช่วยแก้ปัญหาอะไรได้
ตอนนี้ตัวดิฉันเองก็ป่วยด้วยโรคทางจิตเวช (โรคอารมณ์แปรปรวน) มักจะอดทนกับเรื่องเครียดๆได้น้อยกว่าปกติ
แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่า ตนเองจะเรียนได้ เมื่อตัดเอาเรื่องผู้ชายออกไป (ทุกคนเป็นเพื่อนกันหมด) ขอแก้ตัวใหม่ค่ะ
ช่วงนี้สถานการณ์ก็บีบคั้นขึ้นเรื่อยๆค่ะ แม่ก็ยังคงอยากให้ดิฉันแต่งงานกับอา
ตอนนี้อาเข้ามาอยู่อาศัยในบ้านแล้ว เป็นเวลาประมาณ 1 เดือน (พ่อเสียไปแล้วค่ะ)
และขอร้องให้ยายช่วยกล่อมดิฉันอีกแรงนึง....
ดิฉันกลุ้มใจมากๆ ได้แต่คิดว่า ถึงแม่จะไม่ไห้ไปเรียน แต่ถ้าอยู่กับแม่แค่ 2 คน
ดิฉันก็พอใจ มีความสุขแล้ว ทำไมแม่ถึงต้องเอาอาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย..
ดิฉันกับแม่คุยกันน้อยมากค่ะ เพราะคุยทีไรก็มีเรื่องอาเข้ามาโยงทุกที
และดิฉันก็อดทนมากมาย กับการเกี้ยวพาราสีของอา

ทุกวันก็ทำทาน รักษาศีล สวดมนต์ไหว้พระ เจริญสติ...เพื่อให้ใจมีความสุขหล่อเลี้ยง
ไม่อย่างนั้น อาจได้เข้าโรงพยาบาลอีกหนค่ะ

เมื่อเช้า แม่เข้าไปโวยวายกับยาย ว่าดิฉันมานอนบ้านยายทำไมบ่อยๆ
ยายก็บอกว่า เพราะดิฉันสบายใจที่จะอยู่บ้านยาย ไม่ได้มาแอบโทรศัพท์หาใคร
อย่างที่แม่เข้าใจ.....
ปัญหาที่ดิฉันอยากถามคือ หากแม่ยังยืนยันให้ดิฉันแต่งงานกับอา...แต่ดิฉันปฏิเสธ ดิฉันบาปไหม?
แล้วถ้าดิฉันหนีออกจากบ้านไปบวชชี...จะบาปแค่ไหนคะ?
ช่วยตอบด้วยนะคะ ตอนนี้ หมดแรงใจ (ก็รู้ว่าหมด) ไปเยอะแล้วค่ะ
