ตอนแรกจากไม่คิดอะไร ก็เริ่มคิด และยึดติดเขาไว้กับเรา เช่น วันไหนถ้าเขาไม่ทัก หรือมาหยอกล้อ ก็จะเกิดอาการไม่สบายใจ คิดมากว่าเขาเปลี่ยนไป โดยเฉพาะเคยถามเขาว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเรา เขาก็บอกว่าก็น่าจะรู้ว่าเขาปฏิบัติกับเราไม่เหมือนคนอื่น เราน่าจะรู้อยู่แล้ว แต่หลังจากที่คุยเปิดใจกับเขาครั้งนั้น เรารู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป ไม่แคร์ความรู้สึกเราและพยายามเลี่ยงที่จะอยู่กับเรา 2 คน และตั้งแต่นั้นก็ไม่เคยโทรหรือแวะมาหาที่ห้องทำงานอีกเลย เคยถามเขาบอกว่าเป็นเหมือนเดิมเขาเปลี่ยนไปหลังจากที่ได้คุยเปิดใจ
และเขาได้ทราบว่าคุณไม่สบายใจ เป็นทุกข์ใจ
ถ้าวันไหน เขาไม่แสดงความสนิทสนมหยอกล้อเหมือนเดิม
ซึ่งถ้าตามปกติธรรมดาแล้ว ทุกคนย่อมจะมีช่วงเวลาที่ "อยากอยู่เฉยๆ"
มีเรื่องในใจ หรือ หรือไม่สะดวกที่จะรื่นเริงหยอกล้อกับใคร ได้ทุกวัน
เรื่องนี้อาจทำให้เขาเห็นว่า คุณ "ติด" เขามาก "ยึด" เขามากขึ้น
เหมือนจากเดิมที่ความผูกพันธ์เคยหลวมๆ สบายๆ
กลายเป็นเริ่ม "รัด" แน่นอึดอัด
จากที่เคย งอนๆ ง้อๆ กันนิดๆ หน่อย ๆ แบบพี่น้อง
กลายเป็นความรู้สึกพิเศษมากขึ้น อันเกินระดับความสัมพันธ์ที่เขาจะให้ได้
ซึ่งถ้ายังดำเนินต่อไป ก็จะทำให้เกิดความทุกข์และความอึดอัดเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
เห็นได้ชัดจากที่คุณเริ่มเกิดสับสนวุ่นวายใจ จิตหม่นหมองคิดอยู่แต่กับเรื่องของเขา
ดังนั้น เขาจึงเห็นว่าการแสดงความอาทรที่เพิ่มระดับขึ้นเป็นโทษทั้งต่อตัวคุณและเขา
การหยุดพัก ห่างกันสักระยะ ให้โอกาสที่จะหันกลับมามองตน สำรวจตน ของทั้งคุณและเขา
ก็ดูจะเป็นการยืดหยุ่นซึ่งกันและกันมากกว่า
ถ้าจะโทรไปหาเขา
และเขาตอบว่า "คิดมาก" ไม่มีอะไร แล้วก็เฉยๆ ไป
คุณจะสามารถวางใจเชื่อเขา และกลับมาเป็นสุขเหมือนเดิมได้หรือไม่
(ซึ่งคุณก็เคยได้ถามมาแล้วและได้คำตอบนี้)
และถ้าเขาตอบว่า "ไม่สะดวกคุย" หรือ "อยากอยู่เงียบๆ คนเดียว"
หรือมีถ้อยคำใดที่ตัดรอนความสัมพันธ์
คุณจะสามารถวางใจไม่รู้สึกเจ็บปวด เป็นทุกข์ได้หรือไม่
และถ้าเขาตอบว่า "ดีใจ ที่โทรมา" คุณก็จะรู้สึกฟองฟูเป็นสุข
แต่ก็อดที่รู้สึกลึกๆ ในใจ ประหวั่นว่าเขาจะห่างเหินไปอีกใช่หรือไม่
ซึ่งคุณก็จะพยายามทำสิ่งใด หลายๆ อย่าง
เพื่อดึงเหนี่ยวรั้งเขาไว้ จนเขาถอยห่างไปอีก
เมื่อเหตุกราณ์วนกลับมาเป็นวงกลมดังนี้
ไม่อาจคงความสัมพันธ์เหมือนเดิมตลอด
และก็ไม่อาจที่จะให้พัฒนาความสัมพันธ์ไปในรูปแบบที่คุณต้องการ
ซึ่ง "เกินระดับ" ที่เขาจะให้ได้ และไม่สามารถเป็นไปได้
การวนเวียนอยู่ในทุกข์นี้จะก่อประโยชน์ใดขึ้นมา
งานเลี้ยงทุกงานย่อมมีวันเลิกรา ไม่มีใครที่มาพูดคุย หยอกล้อ สนุกสนานกับเราได้ทั้งชีวิต
ทุกคนมีกรรมอันเป็นทางเดินของตน ที่เมื่อมาเวียนบรรจบพบกันแล้ว หมดวาระ
ต่างก็ต้องแยกย้ายกันไป
ทุกคนต่างก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกฏของอนิจจัง
แม้ความรู้สึกของเราเองก็ยังไม่เที่ยงตรง
การเอาความทุกข์สุขของตัวเราไปผูกติดไว้กับใครคนใดคนหนึ่ง อยากให้คงสภาพอยู่เหมือนเดิม
ปฏิบัติกับเราเหมือนเดิมตลอด อันเป็นสิ่งที่เป็นได้ยาก เหนือการควบคุมของเรา
จึงชื่อว่าเป็นเบียดเบียนตนทำให้ตนเป็นทุกข์
แนะนำกระทู้นี้ให้ลองอ่านค่ะ
http://larndham.org/index.php?showtopic=23602&st=0#entry310807