การรอคอยอะไรนาน ๆ เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความหงุดหงิด อารมณ์เสียบ่อย ๆ อย่างที่ใครก็คงเคยเจอกันมาแล้ว
ถ้าการรอคอยนั้นมีเหตุผลสมควร ใจมันก็พอจะยอมรับ ให้อภัยได้ แต่บางทีมันก็มีเหตุที่น่าหมั่นไส้ ชวนโมโห ทำให้การรอคอยอันยาวนานนั้น กลายเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า
อย่างนี้แหละ...จุดไฟโทสะได้ดีนักแล
ผมยืนรอซื้อตั๋วหนังอยู่หน้าโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง ซึ่งในวันเสาร์ - อาทิตย์มักจะมีแถวยาวอยู่แล้ว ยิ่งเจอโปรแกรมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ น่าสนใจเข้าฉาย คนที่มาเข้าคิวรอซื้อตั๋วก็จะยาวเป็นพิเศษ
แถวยาวเป็นพิเศษ ความหงุดหงิด โมโหก็มากเป็นพิเศษ ยิ่งมาซื้อตั๋วตอนใกล้เวลาหนังฉาย แล้วแถวยังไม่ขยับไปถึงไหน มันก็ยิ่งกระสับกระส่ายโมโหพาลขวางหูขวางตา
หนังที่ผมตั้งใจมาดูใกล้เวลาฉายเต็มที คิวที่ยาวก็ยังไม่หดสั้นสักเท่าไหร่ คนที่มาต่อแถวข้างหลังก็ยาวออกไปเรื่อย ๆ จนเลยแนวกั้นออกไปแล้ว
ผมพยายามหาสาเหตุว่าทำไมแถวไม่หดสั้นสักที...แล้วก็ได้คำตอบจากตรงช่องขาย ตั๋ว
ปกติตอนเราซื้อตั๋วหนัง จะเสียเวลาก็แค่เลือกที่นั่ง จ่ายตังค์แล้วก็พิมพ์ตั๋วเท่านั้นจบ...ที่ผมเห็นวันนี้คือพนักงานขายตั๋วกำลังอธิบายเกี่ยวกับโปรโมชั่นบัตรเงินสดชมภาพยนตร์ของทาง โรงหนัง กับลูกค้าที่ซื้อตั๋วทุกคน
เรียกว่าขายตั๋วหนังเสร็จแล้ว ยังไม่จบ ต้องขายบัตรพิเศษเหล่านี้ต่ออีก แหม...กว่าจะอธิบาย กว่าจะเกลี้ยกล่อมให้ขายได้ (หรือไม่ได้) ก็เสียเวลานานพอดู
จะโทษพนักงานขายก็ไม่ได้ เพราะน่าจะเป็นนโยบายของทางโรงหนัง พวกเขาแค่ทำตามหน้าที่
ผมเหลือบดูแถวที่รอคิวอันยาวเหยียดแล้วนึกฉุน...ยังไงก็โมโห...ต่อให้เข้าใจเหตุผลของพนักงานขายก็ใช่ว่าจะไม่มีโทสะ
หงุดหงิด อารมณ์เสีย อยากตะโกนบอกพนักงานขายตั๋วให้ดังลั่น
“แถวยาวแล้วเน้อ จะขายอะไรเพิ่มก็เห็นใจคนคอยกันบ้าง รอนานมาก ๆ แล้ว (โว้ย)” แต่ก็ไม่ได้พูด...ปล่อยให้โทสะมันร้อนรุ่มอยู่ในใจ หงุดหงิดแค่ไหนก็พยายามไม่ระบายออกมา...คอยดูสิว่ามันจะอยู่นานแค่ไหน
และแล้ว...ความโกรธของผมก็หายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อคุณป้าคนหนึ่งก้าวฉับ ๆ จากแถวที่ยืนด้านหลังผม แล้วเดินตรงไปยังหน้าเคาน์เตอร์ขายตั๋ว พูดเสียงดังฟังชัด
“นี่คุณ...หนังมันจะฉายแล้ว รีบ ๆ ขายตั๋วหน่อย เดี๋ยวฉันเข้าไปดูไม่ทัน!”
เห็นอย่างนั้น โทสะในใจผมหายวับ อารมณ์ประมาณว่ามีคนมาวีนแทนเราแล้ว...(เฮ้อ...ดีจังเลย)
กลายเป็นดีใจ พอใจ (กิเลสอีกตัวนั่นแหละ) ความโมโห หงุดหงิดดับลงทันที
แล้วมานึกขันตัวเอง...
เออแน่ะ...ใจเราก็เหมือนคุณป้าคนนั้นแหละ โมโหไม่น้อยกว่ากันหรอก แค่ไม่แสดงกิริยา คำพูดออกมาเท่านั้นเอง
ผมไม่รู้ว่าเมื่อคุณป้าได้ระบายโทสะออกมาเป็นคำพูดแล้ว...ความโกรธยังกรุ่นอยู่ในใจต่อไปหรือ เปล่า...ไม่แน่ แกอาจไปบ่นหงุดหงิด ด่าคนขายตั๋วให้ลูกหลานฟังต่อในโรงหนังก็ได้...ใครนั่งใกล้ก็โชคร้ายไป
สำหรับผม...โทสะครั้งนี้มันดับแล้ว...ดับง่ายเหมือนตอนที่มันมาง่าย ๆ...มีความขำขัน พอใจมาแทนที่
จิตมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตามเหตุปัจจัย
จิตมีโทสะ กับจิตไม่มีโทสะห่างกันแค่นิดเดียว...ถ้าเราจะใส่ใจ สังเกตดูมัน ตามความเป็นจริง
โดย
ชลนิลที่มา
http://dungtrin.com/mag/?67.miscel